Wednesday, July 28, 2010

เริ่มต้นที่การมองหาสินค้าที่เราถนัด..

การมองหาสินค้าที่เราถนัดเป็นตัวเลือกข้อแรกๆ ของสามเกลอทำธุรกิจ..

อะไรคือสินค้าที่เราเชี่ยวชาญ มีความเข้าใจในตัวผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี? เราสามคนช่วยกันหาคำตอบที่จะกำหนดรูปร่างของธุรกิจของสามเกลอในอนาคตอย่างตั้งอกตั้งใจ..

"ประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม เราทำสินค้าที่เกี่ยวกันการเกษตรดีมั้ย?" นายตั๊กหนึ่งในสามเกลอยื่นข้อเสนอให้เราร่วมกันพิจารณา..

"เห็นด้วยนะ แต่เราจะทำอะไรกันดีล่ะ?" อีกสองเกลอร่วมด้วยช่วยกันคิด

"เราต้องทำสินค้าที่ช่วยส่งเสริมการเกษตร และเป็นนวัตกรรมใหม่" สามเกลอเห็นฟ้องต้องกัน..

สามเกลอเดินเข้าห้องสมุดเปิดงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร อ่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (แต่ละคนก็มีงานประจำที่ยุ่งแสนยุ่งอยู่แล้ว) ยังไงเราต้องหาคำตอบที่เราค้นหากันมานาน "ทางเดินที่เราต้องการ"

เราคงต้องร่วมกันคิด ระดมสมอง เพื่อแผ้วถางทางเดินแห่งความฝันต่อไป...



...

Tuesday, July 27, 2010

นายแว่นธรรมดาเริ่มทำธุรกิจ

เส้นทางธุรกิจของนายแว่นธรรมดา และเพื่อนๆ

ผมมีอาชีพเป็นลูกจ้างมานาน (สิบกว่าปีแล้ว) เริ่มแรกทำงานบริษัทเอกชน เป็นฝ่ายผลิต เริ่มงานแปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น แต่เนื่องจากเราเป็นหัวหน้างานทำให้เราต้องอยู่ดึกแทบทุกวัน

งานหนักจนเป็นสาเหตุให้เราต้องมานักคิดว่าชีวิตเราจะเดินยังไงต่อไปดี.. เมื่อคิดได้ดังนี้จึงลาออกมาเรียนต่อปริญญาโท.. แล้วกราฟชีวิตก็ตกทันที.. ใช้เวลาเรียนนานถึงห้าปีในที่สุดก็เรียนจบจนได้.. และก็กลับไปทำงานประจำอีกครั้ง..

แต่.. งานประจำ ไม่ใช่คำตอบของผม การที่เราเกิดมาครั้งหนึ่งเราควรเลือกหนทางเดินเองได้ไม่ใช่หรือ? คิดได้ดังนี้จึงนำความคิดที่จะประกอบธุรกิจส่วนตัวไปปรึกษาเพื่อนสนิทสองคน..

วันที่เราสามคนตกลงใจเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวดัวยกันวันนั้นเป็นตอนหัวค่ำ เพื่อนๆ นัดรวมกันมาสังสรรค์ตามประสาเด็กที่เรียนจบแล้วกลับมารวมตัวกัน..

สามเกลอร่วมกันระดมสมองว่าจะทำอะไรดี เราถนัดอะไรกันบ้าง และธุรกิจที่เราจะทำกันมีแนวโน้มในอนาคตเป็นยังไง?

คิดไปคิดมาก็คิดกันไม่ออก ไม่มีไอเดียดีๆ กันบ้างเลย.. แต่ก็ยังมีข้อสรุปกันว่าเราน่าจะมองหาธุรกิจจากงานวิจัยในมหาลัยที่เราจบกันมา.. เพราะงานวิจัยย่อมมีสิ่งแปลกใหม่ที่อาจเป็นวิชาการที่ตอบรับกับตลาด และไม่เคยมีมาก่อน..

ว่าแล้วก็นัดเจอกันใหม่คราวหน้า ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย..


...